การคำนวณโหลดไฟฟ้า วงจรย่อย เพื่อใช้เลือกเบรกเกอร์ มีการคำนวณอย่างไร
การคำนวณโหลดไฟฟ้า เป็นขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นเป็นอย่างมากในการติดตั้งระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องการประเมิน
ขนาดของเบรกเกอร์ ซึ่งการคำนวณโหลดไฟฟ้าก็คือ การคำนวนโหลดรวมของสถานที่ที่เราต้องการติดตั้งระบบไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน
อาคาร หรือแม้แต่สถานประกอบการต่าง ๆ ซึ่งการคำนวณค่าโหลดไฟฟ้ารวมนั้นจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้า
ที่ทำหน้าที่ตัดวงจรได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์ หรือเครื่องตัดวงจรไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม การคำนวณโหลดไฟฟ้า
นั้นแบ่งเป็นส่วนย่อยอีก 3 ส่วน แต่ละส่วนจะมีอะไรบ้าง และมีหลักการคำนวณที่แตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ
การคำนวณโหลดไฟฟ้า วงจรย่อย คืออะไร
สิ่งที่ต้องคำนวณสำหรับวงจรย่อย
ในการคำนวณโหลดไฟฟ้าสำหรับวงจรย่อย มีสิ่งที่ต้องคำนวณอยู่ด้วยกัน 3 สิ่ง ได้แก่
ขนาดพิกัดของวงจรย่อย
ขนาดของสายไฟฟ้าที่ต้องใช้สำหรับวงจรย่อย โดยสายไฟจะต้องมีขนาดไม่น้อยไปกว่า 2.5 mm2
ขนาดของท่อหรือรางเดินสายไฟฟ้าในวงจรย่อย ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นโหลดชนิดเดียวกันทั้งหมด
นอกจากนี้ เรายังสามารถแบ่งวงจรย่อยตามลักษณะการจ่ายโหลดได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน นั่นคือ
วงจรย่อยเต้ารับ คุณจะต้องคำนวณด้วยขนาด 180 VA ต่อ 1 เต้ารับ โดยเลือกใช้วงจรย่อยขนาด 5, 10, 15 หรือ 20 A โดยส่วนใหญ่จะมีจำนวนเต้ารับได้ไม่เกิน 10 ตัว และขนาดพิกัดของวงจรย่อยเต้ารับทั่วไปจะอยู่ที่ 15 A และเลือกใช้สายไฟฟ้า THW ขนาด 2.5 mm2 เดินสายในท่อได้ (18 A) นอกจากนี้ สำหรับวงจรเต้ารับในเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้องติดตั้งถาวร ให้คิดจากโหลดที่ติดตั้งจริง
วงจรย่อยแสงสว่าง (Lighting Branch Circuit) ที่จะมีพิกัดวงจรย่อย คือ 5, 10, 15 และ 20 A เช่นกัน แต่โดยทั่วไป เรามักจะนิยมกำหนดขนาดพิกัดของวงจรย่อยแสงสว่างอยู่ที่ 15 หรือ 20 A เพื่อความประหยัดเพราะจำนวนวงจร ที่ใช้น้อยลง และติดตั้งได้อย่างสะดวกสบาย ถ้าหากมีการโหลดแสงสว่างที่มีขนาดใหญ่ก็จะต้องออกแบบจากโหลดที่ติดตั้งจริง ซึ่งขนาดพิกัดวงจรย่อยจะต้องไม่เกิน 50 A
- วงจรย่อยเฉพาะ จะต้องเป็นวงจรย่อยที่จ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดเดียวเท่านั้น โดยสามารถคำนวณขนาดพิกัดวงจรย่อย
ได้จากขนาดของโหลดที่ติดตั้งจริง ซึ่งคุณสามารถหาขนาดโหลดได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ที่จะอยู่ในแผ่นป้ายประจำเครื่อง
(name plate) และมอเตอร์ไฟฟ้าก็สามารถคำนวณได้ตามวิธีการของการคำนวณมอเตอร์ไฟฟ้า - วงจรย่อยผสม จะประกอบด้วยโหลดของอุปกรณ์ไฟฟ้าตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ค่อยแนะนำ เนื่องจากมีขั้นตอนและวิธีการที่ยุ่งยาก
วิธีการคำนวณโหลดไฟฟ้าวงจรย่อย
ในการคำนวณโหลดไฟฟ้าวงจรย่อย มีข้อกำหนดในการจัดทำดังต่อไปนี้
วงจรย่อยจะต้องมีขนาดไม่น้อยไปกว่าผลรวมของโหลดทั้งหมดที่ต่ออยู่ในวงจรนั้น
โหลดแสงสว่างและโหลดของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ให้คำนวณตามที่ติดตั้งจริง
โหลดของเต้ารับใช้งานทั่วไป ให้คำนวณโหลดจุดละ 180 VA ทั้งชนิดเต้ารับเดี่ยว (single) เต้ารับคู่ (duplex) และชนิดสามเต้า (triplex) และในกรณีที่ต้องติดตั้งชนิดตั้งแต่ 4 เต้า ให้คำนวณโหลดจุดละ 360 VA
โหลดของเต้ารับอื่นที่ไม่ได้ใช้งานทั่วไป ให้คำนวณโหลดตามขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น
หลังจากที่เราได้รู้จักกับข้อกำหนดต่าง ๆ ในการคำนวณโหลดไฟฟ้ากันไปแล้ว ต่อมาไปดูกันดีกว่าว่าในการออกแบบวงจรย่อย จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
ขั้นตอนการออกแบบวงจรย่อยมีอยู่ด้วยกัน 6 ขั้นตอน ดังนี้
จำแนกโหลดเพื่อวางแผนการจัดโหลดในแต่ละวงจรย่อย
คำนวณค่ากระแสของแต่ละวงจรย่อย (สามารถอ่านได้จาก name plate)
เลือกขนาดพิกัดของแต่ละวงจรย่อย (อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์แบบต่าง ๆ)
เลือกขนาดสายไฟสำหรับแต่ละวงจรย่อย และอย่าลืมสายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดด้วย
เลือกขนาดท่อร้อยสายของแต่ละวงจรย่อยให้เหมาะสม
เลือกขนาดอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องควบคุมมอเตอร์ เป็นต้น
แนะนำ Molded case circuit breaker (MCCB) จาก Schneider Electric
เมื่อคำนวณโหลดไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว คุณก็ต้องเลือกซื้ออุปกรณ์โดยเฉพาะเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีคุณภาพอย่าง Molded case circuit breaker (MCCB) ของ Schneider Electric Circuit Breaker แบบ MCCB ของ Schneider Electric มีให้เลือกหลากหลายรุ่น หลากหลายขนาด ตามความต้องการของคุณ เบรกเกอร์ของเรา ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ทนทาน และมีความน่าเชื่อถือ ทำให้สามารถป้องกันระบบไฟฟ้าในกรณีที่เกิดการโหลดเกินหรือลัดวงจรได้อย่างดีเยี่ยม EasyPact EZS เบรกเกอร์ MCCB รุ่นล่าสุดของเรา มาพร้อมคุณสมบัติที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนแถมมีขนาดเล็ก ทำให้ประหยัดพื้นที่ ในการติดตั้ง โดยสามารถรองรับขนาดแอมป์เฟรมได้เยอะหลายขนาด อีกทั้งยังมีค่ากระแสลัดวงจรตั้งแต่ 25kA ไปจนถึง 50 kA เลยทีเดียว EasyPact EZS จึงเหมาะกับการใช้งานในอาคารขนาดเล็กทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น อพาร์ตเม้นต์ หอพัก โรงแรมขนาดเล็ก โฮสเทล และอาคารพาณิชย์ หากสนใจสินค้า หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ในทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น